เจมส์ คาเมรอน ทำการวิจัยหักล้างทฤษฏีที่ แจ็ค ดอว์สัน รอด เพราะสุดท้ายก็ตายอยู่ดี

วันที่ 19 เดือนธันวาคม 2022 นับว่าเป็นฤกษ์งามยามดี เพราะว่าตรงกับวัน ที่ภาพยนตร์ Titanic (1997) ฟอร์มยักษ์ สุดยิ่งใหญ่ เข้าฉายในสหรัฐอเมริกา เป็นครั้งแรกเมื่อ 25 ปีที่แล้ว

ซึ่งเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เคยเป็นหนังที่ครองอันดับ 1 ของหนังทำเงิน สูงสุดทั่วโลก และตอนนี้ก็ยังอยู่ที่อันดับ 3 รวมทั้งยังเป็นเจ้าของ รางวัลออสการ์ 11 สาขา และรางวัลลูกโลกทองคำ

Titanic เจมส์ คาเมรอน

Titanic นอกจากวิสัยทัศน์ แล้วก็การทำงานหนัก

ของผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) แล้ว เรื่องราวเนื้อหาโศกนาฏกรรม และก็พล็อตรัก โรแมนติกดราม่า ที่ผูกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ก็ส่งให้ คู่ขวัญ แจ็ก-โรส กลายเป็นคู่พระนาง ที่คนทั่วโลกต่างหลงรัก กระทั่งขนาดฉากสุดท้าย ที่ตัวละคร แจ็ก ดอว์สัน (Jack Dawson) หนาวตายอยู่กลางทะเล ก็ยิ่งทำให้หลายคนที่อินจัด มีความคิดว่าการตายของแจ็ก ดูจะโหดร้ายและไม่มีเหตุผล ไปหน่อยหรือเปล่า

หากยังจำกันได้ ฉากนี้คือฉากหลังจากที่เรือล่ม แจ็กและก็โรสลอยคอจนกระทั่ง มาเจอกับแผ่นไม้แผ่นหนึ่ง (ที่เป็นเศษชิ้นส่วนจากผนัง ไม่ใช่ประตู) ตอนแรกทั้งสองจะไต่ขึ้นไปบนแผ่นไม้ ด้วยการให้โรสปีนขึ้นไปก่อน จนกระทั่งเมื่อแจ็กจะปืนขึ้นตาม เนื่องจากว่าไม้รับน้ำหนักมิได้ ไม้ก็เลยพลิกคว่ำ ส่งผลให้แจ็กต้องยอมเสียสละ ลงมาลอยคอ ในน้ำและเกาะไม้กระดานแทน จนกระทั่งเมื่อโรสผล็อยหลับไป รวมทั้งตื่นขึ้นมา เธอก็พบว่า แจ็กทนความหนาวเย็น ของน้ำทะเลไม่ไหว และก็เสียชีวิตลงในที่สุด

อาจด้วยความขัดใจ ในตอนสุดท้ายหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็เลยเกิดคำถามขึ้น ในหมู่แฟนหนังว่า แล้วทำไมโรสจึงไม่ช่วย (ทำอะไรก็ตาม) ที่จะทำให้แจ็กขึ้นไป อยู่บนกระดานไม้ได้ เลยไปจนถึงการตั้งทฤษฏี Fanmade ขึ้นมาว่า จริง ๆ แล้วกระดานแผ่นนั้น สามารถแบ่งให้คนสองคน อย่างแจ็กและก็โรสขึ้นไปลอยตัว บนนั้นได้ไหม

แน่ ๆ ว่าผู้กำกับและก็ผู้เขียนบท ด้วยตัวเองอย่างคาเมรอน

คงเอือม ๆ กับการจะต้องมานั่งอธิบาย โต้เถียงว่า ทำไมเขาถึงเขียนบท ให้แจ็กตาย แล้วทำไมไม่เขียนบท ให้โรสแบ่งไม้กระดาน ให้แจ็กขึ้นมาลอยน้ำ พร้อมกันเพื่อจะได้รอดกันทั้งสอง

ปัจจุบัน คาเมรอนได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ กับเว็บไซต์ The Toronto Sun ว่า เพื่อจะลบล้างทฤษฏี แฟนเมดนี้ลงอย่างสมบูรณ์ แบบได้สักที สำหรับการถ่ายทำสารคดี เกี่ยวกับหนังเรื่อง Titanic ของ เนชันแนล จีโอกราฟฟิก (National Geographic) เขาก็เลยได้ให้นักวิจัย ทำการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการศึกษาวิจัยผ่านการจำลอง สถานการณ์ในหลาย ๆ รูปแบบ เพื่อรับรองว่า ไม้กระดานนี้ไม่สามารถที่จะ รับน้ำหนักของคนสองคนได้ และไม่ว่าจะยังไง แจ็ก ดอว์สัน ก็ไม่รอดอยู่ดี

“เราได้ทำการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เพื่อคลายข้อสงสัยเหล่านั้น และเพื่อให้เข้าถึง แก่นแท้ของมันจริง ๆ ตั้งแต่นั้นมา เราได้ทำการวิเคราะห์ ทางนิติวิทยาศาสตร์ อย่างละเอียดถี่ถ้วน กับผู้เชี่ยวชาญด้าน *ไฮโปเธอร์เมีย (Hypothermia) และทำการจำลองแผ่นไม้ ที่อยู่ในหนัง เพื่อที่เราจะทำสิ่งพิเศษ กับมันนิดหน่อย ตอนที่หนังจะได้กลับ เข้าไปฉายในเดือนกุมภาพันธ์”

“เราได้ให้สตันต์แมนสองคน ที่มีน้ำหนักตัวพอ ๆ กับเคต (เคต วินสเลต Kate Winslet) และก็ลีโอ (ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ Leonardo DiCaprio) และเราก็ทำการติดเซ็นเซอร์ ทั่วร่างกายทั้งด้านนอกรวมทั้งภายใน ก่อนที่จะให้พวกเขาลงไป ในถังน้ำแข็ง ก่อนที่เราจะทดสอบว่า พวกเขาจะมีชีวิตรอด ด้วยวิธีการต่าง ๆ ได้ไหม และก็คำตอบก็คือ ไม่มีทางที่ทั้งสองคนจะรอดตายได้ มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะรอด”

Titanic แต่ละฉาก

ก่อนหน้านี้ในปี 2013 รายการทดลองทางวิทยาศาสตร์

มีชื่อเสียงอย่าง Mythbusters ทางช่อง Discovery Channel ก็ยังเคยเอาทฤษฏีนี้ ไปทดลอง โดยพิธีกรได้ทฤษฎีว่า แจ็กจะสามารถรอดชีวิตได้ด้วยการผูก เสื้อชูชีพของโรสไว้ใต้แผ่นไม้ เพื่อช่วยในการพยุงตัว ซึ่งพิธีกรทั้งสองก็ได้พิสูจน์ ให้เห็นว่า คนสองคนสามารถลอยน้ำได้ บนแผ่นไม้จริง ๆ

ซึ่งคาเมรอน ก็เคยออกมาโต้แย้งการทดลองนี้ และการันตีถึงเหตุผลเกี่ยวกับการตาย ของแจ็กว่า นั่นก็เป็นเพราะจุดประสงค์ทางศิลปะนั่นเอง นอกจากนั้นแล้วเขาเอง ก็ยังต้องการจะการันตีด้วยการทดลองครั้งนี้ว่า

ถึงแม้แผ่นไม้แผ่นนั้น จะมีที่ว่างสำหรับสองคน แล้วก็สุดท้ายแจ็กจะขึ้นไปบนแผ่นไม้ได้ แต่ว่าท้ายที่สุดมันก็ไม่มีแรง พยุงมากพอ ที่จะทำให้คนสองคน ลอยน้ำได้โดยไม่จม และจะต้องไม่ลืมว่า อุณหภูมิอากาศรวมทั้งน้ำในขณะนั้นหนาวยะเยือก ในระดับติดลบด้วย การดำน้ำลงไปผูกเสื้อ ชูชีพใต้แผ่นไม้ ก็คงจะทำได้ยากมากๆ

สำหรับการสัมภาษณ์กับ Vanity Fair คาเมรอนได้ชี้แจงว่า ต่อให้แจ็กจะป่ายขึ้นไปบน แผ่นไม้ได้ก็ตาม แต่ว่าท้ายที่สุด แจ็กก็ต้องตายอยู่ดี โดยเขาพูดว่า

“ผมคิดว่า มันเป็นเรื่องไร้สาระจริง ๆ ที่ 20 ปีต่อมา เราก็ยังคุยเรื่องนี้กันอยู่ แต่มันก็แสดงให้เห็นว่า หนังเรื่องนี้มีผล ทำให้แจ็กเป็นที่รักของผู้ชม จนทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวด ที่ต้องเห็นเขาตาย หากเขายังอยู่ ตอนจบของหนังเรื่องนี้ คงไม่มีความหมาย…เพราะหนังเรื่องนี้ เกี่ยวกับความตายและการพลัดพราก เขาจึงต้องตาย มันเป็นเหตุผลทางศิลปะ ไม่ใช่เหตุผลทางฟิสิกส์”